บันทึกอนุทิน ครั้งที่2
วิชา การจัดประสบการณ์ศิลปะสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย
ความรู้ที่ได้รับ
การจัดประสบการณ์ศิลปะสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัยเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเป็นหน่งในหกกิจกรรมหลัก ที่ต้องทุกวัน ครูจึงต้องมีความคิดสร้างสรรค์ในรูปแบบใหม่ๆ เพราะกิจกรรมที่จัดจะได้ไม่ซ้ำซาก สอนตามหน่วยการเรียนที่จะสอน ทุกสิ่งทุกอย่างในตัวเรา สิ่งที่มนุยษ์สร้างขึ้นหรือวัสดุธรรมชาติ สามารนำไปสร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะได้
ศิลปะ หมายถึงเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดความงาม และความพึงพอใจ
งานศิลปะไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เป็นผลงานที่มนุษย์ใช้ปัญญา ความศรัทธา และความเพียรพยายามสร้างสรรค์ข้นมาใหม่ ได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม
ทัศนะทางศิลปะ
- สิ่งที่เด็กแสดงออกซึ่งการเจริญเติบโต ความนึกคิด ความเข้าใจ และการแปลความหมายของสิ่งแวดล้อม (โอเวนฟิลด์ และบริเตน,1975)
- ศิลปะที่มองเห็นได้ที่เรียกว่า ทัศนศิลป์ คือศิลปะสองมิติหรือความสามาร แทนความรู้สึกนึกคิดของเด็กโดยตรง (วิรุณ ตั้งเจริญ,2526)
- งานศิลปะสำหรับเด็ก ไม่ใช่้พียงแค่การวาดาพระบายสี หรือการประดิษฐ์สิ่งต่างๆเท่านั้น แต่หมายึงการแสดงออก การสื่อสาร การ่ายทอด จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ของเด็กแต่ละคน ที่เกี่ยวข้องกับตัวด็กและสิ่งแวดล้อม(สิริพร ตันติรัตน์ไพศาล,2545)
คนที่จะสอนศิลปะควรยึดปรัชญานี้ไว้
- มุ่งสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ อย่าปิดกั้นความคิดของเด็กเด็ดขาด ถ้าไปปิดกั้นความคิดเด็ก เขาก็จะไม่คิดอีกต่อไปแล้ว
- เป็นเครื่องมือในการแสดงออก และใช้ความคิดสร้างสรรค์ การแสดงไม่ใช่แค่การพูดแต่รวมถึงการถ่ายทอดความรู้สึกผ่านชิ้นงาน
- ให้ความสำคัญกับกระบวนการสร้างสรรค์ผลงาน ครูไม่ควรแค่ผลงาน แต่ต้องดูที่กระบวนการทำของเด็กด้วย
- เน้นความไวในการรับรู้ด้านอารมณ์ ความคิดจากสิ่งที่มองเห็น
- ความรู้สึกที่มีอยู่เบื้องหลังผลงาน
- สนับสนุนให้เรียนรู้ ด้วยการค้นคว้าทดลองสิ่งใหม่ๆ ครูไม่ควรกำหนดแต่ควรให้เด็กคิดและได้ค้นพบสิ่งใหม่ด้วยตัวเอง เช่น การผสมของแม่สีทำให้เกิดสีใหม่
- นำไปใช้พัฒนาชีวิตด้านอื่นๆได้ ทุกอย่างสามารถพัฒนาตนเองได้ทุกด้าน
ความสำคัญของศิลปะสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย
1 เพื่อตอบสนองความต้องการของเด็กปฐมวัย
- ชอบวาดรูป ขีดๆเขี่ยๆ เด็กจะชอบวาดภาพมากกว่าเขียน
- เด็กมีความคิดจินตนาการ เด็กจะคิดไกล เด็กจะวาดเองตามจินตนาการ
- เด็กใช้ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดที่บางครั้งไม่สามารถพูด อธิบายได้
- เด็กต้องการการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ เด็กชอบการชมเชยและยกย่องจากผู้ใหญ่
- เด็กต้องการกำลังใจ การสร้างความเชื่อมั่นและความภาคภูมิใจ สิ่งที่สำคัญที่ครูควรทำคือการชมเด็กแต่ควรชมพอประมาณ เพื่อให้เด็กเกิดความเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ
2เป็นพื้นฐานทางการศึกษาที่สำคัญสำหรับเด็กปฐมวัย
- ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์-จิตใจ ด้านสังคม และด้านสติปัญญา
- ช่วยจัดประสบการณ์ที่มีผลต่อการเรียนรู้ให้กว้างมากขึ้น
- กระบสวนการศิลปะจะทำให้เกิดการเรียนรู้ตนเองและสิ่งแวดล้อมมากขึ้นตามวัย เด็กยังเล็กความรู้น้อย ครูต้องจัดประสบการณ์ให้เด็กเยอะๆ เพื่อให้เด็กได้เกิดการเรียนรู้มากขึ้น
-ช่วยพัฒนาเด็กเป็นรายบุคคล แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน
-ช่วยเสริมแรง/กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ เช่น มีกระดาษ1แผ่น แล้วให้เด็กวาดอะไรก็ได้ตามจินตนาการ
- จะทำให้เด็กเกิดความคิดสร้างสรรค์ ครูต้องให้เด็กคิดเอง ทำเองเยอะๆ
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์
ทฤษฎีโครงสร้างทางสติปัญญาของกิลฟอร์ด (Guilford)
เป็นทฤษฎีเกี่ยวกับโครงสร้างทางสติปัญญา เน้นเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ความมีเหตุผลและการแก้ปัญหา ทำให้ทราบความสามารถของสมองที่แตกต่างกันถึง 120ความสามารถ ตามแบบจำลองโครงสร้างทางสติปัญญาในลักษณะ 3มิติ คือ มีเนื้อหา 4มิติ วิธีการคิด 5มิติ และผลของการคิด 6มิติ
ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ของทอร์แรนซ์ (Torrance)
ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ว่าประกอบด้วย ความคล่องแคล่ว(คิดรวดเร็ว) ความยืดหยุ่นในการคิด(คิดได้หลากหลาย) ความริเริ่มในการคิด (คิดแปลกใหม่)
ทอร์แรนซ์ กล่าวว่า ความคิดสร้างสรรค์เป็นกระบวนการของความรู้สึกไวต่อปัญหา หรือสิ่งที่ขาดหายไป แล้วเกิดความพยายามในการสร้างแนวความคิด ตั้งสมมติฐานและเผยแพร่ผลที่ได้ให้ผู้อื่นรับรู้และเข้าใจ ทำให้เกิดแนวทางในการค้นคว้าสิ่งที่แปลกๆใหม่ๆต่อไป
ทฤษฎีความรู้สองลักษณะ
การทำงานของสมองแตกต่างกัน สมองซีกซ้าย ทำงานส่วนของการคิดที่เป็นเหตุผล ส่วนสมองซีกขวา จะทำงานส่วนของจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ได้รับการพัฒนาเพียงสมองซีกใดซีกหนึ่งเป็นพิเศษ ไม่ให้ความสนใจเรื่องการทำงานของสมองอีกซีกหนึ่งเท่าที่ควร
ระบบการศึกษาส่วนใหญ่ มุ่งพัฒนาการสมองซีกซ้ายด้วยการท่องจำ คำนวณ คิดเลข สรรหาถ้อยคำ วิเคราะห์ข้อมูล และอยู่ในกฎระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ ขาดการสนับสนุนให้สมองซีกขวาพัฒนาควบคู่ไป การคิดจินตนาการ การคิดแปลกใหม่ ความเป็นศิลปิน จึงไม่ค่อยมีโอกาสพัฒนา
ทฤษฎีพหุปัญญาของการ์ดเนอร์ (Gardner)
1 ความสามารถทางด้านภาษา
2 วามสามารถทางด้านตรรกวิทยาและวิทยาศาสตร์
3 ความสามารถด้านดนตรี
4 ความสามารถด้านมิติสัมพันธ์
5 ความสามารถทางด้านกีฬา
6 ความสามารถทางด้านมนุษย์สัมพันธ์
7 ความสามารถด้านจิตวิเคราะห์
8 ความสามารถทางด้านธรรมชาติศึกษา
9 ความสามารถทางด้านการคิดพลิกแพลงแตกต่างในการแก้ปัญหา
- คิดไว มีความสามารถในการคิดแก้ปัญหาต่างๆได้ดี
- รู้จักเลือก หรือาวิธีการในการแก้ปัญหาอย่างเหมาะสม
- เป็นเด็กช่างคิด สามารถคิดค้นประดิษฐ์สิ่งแลกใหม่อยู่เสมอ
- ไม่หยุดนิ่งทางความคิด ชอบเทคโนโลยี
ลักษณะสำคัญของทฤษฎีพหุปัญญา
- ปัญญา มีลักษณะเฉพาะด้าน
- ทุกคนมีปัญญาแต่ละด้าน ทั้ง9ด้านมากน้อยแตกต่างกัน
- ทุกคนสามารถพัฒนาปัญญาแต่ละด้านให้สูงขึ้นได้
- ปัญญาต่างๆสามารถทำงานร่วมกันได้
- ในปัญญาแต่ละด้าน ก็มีความสามารถหลายอย่าง
พัฒนาการทางศิลปะ
เคลล็อก (Kellogg) ศึกษางานขีดๆเขี่ยๆของเด็กปฐมวัย และจำแนกขั้นตอนออกเป็น 4ขั้นตอน ทำให้เข้าใจถึงความสำคัญของงานขีดๆเขียนๆทางศิลปะที่มีผลเชื่อมโยงกับพัฒนาการของเด็ก 4ขั้นตอน มีดังนี้
ขั้นที่1 ขั้นขีดเขี่ย เด็กวัย 2ขวบ จะขีดๆเขียนๆตามธรรมชาติ ขีดเขี่ยเป็นเส้นตรงบ้างโค้งบ้าง ปราศจากการควบคุม
ขั้นที่2 ขั้นขีดเขี่ยเป็นรูปร่าง เด็กวัย 3ขวบ การขีดๆเขี่ยๆเริ่มเป็นรูปร่างขึ้น เขียนวงกลมได้และควบคุมมือกับตาให้สัมพันธ์กันมากขึ้น
ขั้นที่3 ขั้นรู้จักออกแบบ เด็กวัย 4ขวบ ขีดๆเขียนๆเป็นรูปร่างเข้าด้วยกัน วาดโครงสร้างหรือเค้าโครงได้และวาดสี่เหลี่ยมได้
ขั้นที่4 ขั้นการวาดแสดงเป็นภาพ เด็กวัย 5ขวบขึ้นไป เริ่มแยกแยะวัสดุที่เหมือนกับมาตรฐานของผู้ใหญ่ได้ รับรู้ความเป็นจริงเขียนภาพแสดงถึงภาพคน/สัตว์ได้ ควบคุมการขีดเขียนได้ดี และวาดสามเหลี่ยมได้
พัฒนาการด้านร่างกาย
การขีดเขียน
อายุ 3-4ปี เขียนรูปร่างวงกลมตามแบบได้
อายุ 4-5ปี เขียนรูปจตุรัสตามแบบได้
อายุ 5-6ปี เขียนรูปสามเหลี่ยมตามแบบได้
การพับ
อายุ 3-4ปี พับและขีดสันกระดาษสองทบตามแบบได้
อายุ 4-5ปี พับและรีดสันกระดาษทบตามแบบได้
อายุ 5-6ปี พับและรีดสันกระดาษได้อย่างคล่องแคล่ว
การวาด
อายุ 3-4ปี วาดภาพคนมีศรีษะ ตา ขา ปาก
อายุ 4-5ปี วาดภาพคนที่มีมีศรีษะ ตา ปาก จมูก ปาก ลำตัว เท้า
อายุ 5-6ปี วาดภาพคนที่มีมีศรีษะ ตา ปาก ลำตัว เท้า จมูก แขน มือ เท้า คอ
กิจกรรมในห้องเรียน
กิจกรรม "มือน้อยสร้างสรรค์"
ผลงานของเพื่อนทุกคนในห้อง
ตนเอง : วันนี้เรียนทฤษฎีทำให้ง่วงเล็กน้อย แต่ก็ตั้งใจเรียน พยายามจดเนื้อหาสำคัญและจำเทคนิคต่างๆ เพื่อต่อไปจะได้นำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง
เพื่อน : เพื่อนตั้งใจเรียน แต่ก็มีบางคนชอบคุยไม่ค่อยตั้งใจเวลาอาจารย์อธิบาย เพื่อนตั้งใจตั้งทำกิจกรรมในวันนี้มาก แต่ละคนสร้างสรรค์งานออกมาสวยมาก
ตนเอง : วันนี้เรียนทฤษฎีทำให้ง่วงเล็กน้อย แต่ก็ตั้งใจเรียน พยายามจดเนื้อหาสำคัญและจำเทคนิคต่างๆ เพื่อต่อไปจะได้นำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง
เพื่อน : เพื่อนตั้งใจเรียน แต่ก็มีบางคนชอบคุยไม่ค่อยตั้งใจเวลาอาจารย์อธิบาย เพื่อนตั้งใจตั้งทำกิจกรรมในวันนี้มาก แต่ละคนสร้างสรรค์งานออกมาสวยมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น